โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช

อันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

“โคกภูตากา” ตำบลเมืองเก่าพัฒนา  อำเภอเวียงเก่า  จังหวัดขอนแก่น

โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ  สยามบรมราชกุมารี  โดยทรงมีพระราชดำริกับท่านเลขาธิการพระราชวังให้มีการดำเนินการอนุรักษ์พืชพรรณของประเทศ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2535  ดำเนินโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริจัดสร้างธนาคารพืชพรรณสำหรับการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์  การเก็บรักษาโดยการเลี้ยงเนื้อเยื่อรวมทั้งการศึกษาด้านชีวโมเลกุลในปี  พ.ศ. 2536

รายละเอียดพระราชดำริ   สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช  ในการอนุรักษ์พืชพรรณไม้เก่า เช่นทุเรียน พืชพรรณไม้ตามเกาะ  เนื่องจากมีผู้สนใจน้อย  แนวทางในการสร้างจิตสำนึกในเยาวชนที่ให้เห็นความงดงาม  ความน่าสนใจที่จะอนุรักษ์พืชพรรณต่อไปโดยไม่ให้เกิดความเครียดการจัดทำข้อมูลที่เป็นภาพสีเพื่อสะดวกในการอ้างอิงค้นคว้า  รวมทั้งพระราโชวาทในการประชุมประจำปีในวันที่  14  สิงหาคม  2540  ที่ให้หน่วยงานต่างๆ  ที่ร่วมกันทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่ซ้ำซ้อนกันทรงเน้นการสอนให้เด็กเกิดความรับหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ  การนำเอาธรรมชาติมาเป็นสื่อการสอน  การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  ที่ไม่ใช้การปลูกป่าปลูกต้นไม้เท่านั้น  ทรงให้เรียนรู้ในเรื่องพรรณไม้ที่มีอยู่รอบตัว  รวมทั้งการดำเนินงานให้คำนึงถึงเรื่องของกฎหมาย  และสิทธิต่าง ๆ  รวมทั้งมาตรฐานของงาน  ที่มิใช่ดำเนินงานในประเทศเท่านั้น  ต้องติดต่อกับต่างประเทศ  เพื่อให้เกิดการยอมรับ  เป็นการสร้างความเจริญให้กับประเทศ  การดำเนินกิจกรรมของโครงการฯ  ในการปกปักพันธุกรรมพืช  สำรวจเก็บรวบรวม  ปลูกรักษาและใช้ประโยชน์ศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช  วางแผนพัฒนาพันธุ์พืช  สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุ์พืช  และกิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช  โดยนำพระราชดำริ  พระราโชวาท  มาเป็นกรอบในการดำเนินงาน

ความเป็นมา

       พื้นที่โคกภูตากา มีลักษณะเป็นป่าชุมชน ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่มีความลี้ลับ มีอาถรรพ์ และเชื่อกันว่าเป็นเมืองลับแล ผู้ที่ไม่เชื่อถือ หรือลบหลู่ จะถูกอาถรรพ์ของโคกภูตากา ทำให้หายไปจากบ้าน และอาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งยังคงมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความลี้ลับของโคกภูตากามาจนถึงปัจจุบัน

       จังหวัดขอนแก่น  ได้ร่วมสนองพระราชดำริในโครงการโดยการประสานงานของสถาบัน เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตขอนแก่น ประกอบกับสภาตำบลเมืองเก่าพัฒนา (ในขณะนั้น) ปัจจุบันคือ อบต.เมืองเก่าพัฒนา  อ.เวียงเก่า  มีความประสงค์จะร่วมสนองพระราชดำริฯ    ที่ประชุมสภาตำบลเมืองเก่าพัฒนา ในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2538  เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม  2538  และประชาชนในเขตพื้นที่ จึงมีมติ    น้อมเกล้าถวายที่สาธารณะประโยชน์โคกภูตากา ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน  ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ 31991  ออกให้เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2529  เนื้อที่ 706 ไร่ 1 งาน 22 ตารางวา อยู่ในเขตบ้านเมืองเก่า หมู่ที่ 3  ต.เมืองเก่าพัฒนา  อ.เวียงเก่า เพื่อร่วมสนองพระราชดำริ ในโครงการดังกล่าว

·  ดร.พิศิษฐ์  วรอุไร,  อ.พรชัย และคณะได้มาสำรวจพื้นที่ดังกล่าว เห็นว่า ควรจะดำเนินการปกปักพื้นที่ดังกล่าว เพื่อศึกษาพรรณไม้และศึกษาด้านต่างๆ

·  จังหวัดขอนแก่น จึงเสนอเรื่องไปยังเลขาธิการพระราชวังเพื่อนำความกราบบังคมทูล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงมี    พระราชวินิจฉัยเมื่อวันที่   8  ตุลาคม  2549

·  เมื่อวันที่  11  พฤศจิกายน  2539  สำนักงานพระราชวัง แจ้งว่าทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ ได้

·  วันที่  15  สิงหาคม  2540  กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินได้อนุมัติให้จังหวัดขอนแก่นใช้ที่สาธารณะประโยชน์โคกภูตากา ดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวได้

การอนุรักษ์พันธุกรรมพืชในพื้นที่โครงการ

               พื้นที่โคกภูตากา เป็นพื้นที่ที่ปกปักไว้เพื่อให้เป็นแหล่งในการศึกษาเรียนรู้ทั้งพืช สัตว์ จุลินทรีย์ เห็ด รา ยีสต์ และนำผลที่ได้จากการศึกษาไปใช้ประโยชน์  ในการดำเนินงาน ฝ่ายวิชาการมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้

จากการศึกษาพื้นที่โคกภูตากา (เริ่มศึกษาปี 2541) พบว่ามีสภาพเป็นป่าเต็ง – รัง ไม้ที่พบมีหลากหลาย ทั้งไม้ยืนต้น (เต็ง, รัง, แดง, ตีนเป็ด, ประดู่, มะค่าแต้, มะค่าโมง) ไม้พุ่ม (ชงโค, สาบเสือ, ไผ่อ้อ, ชำพู, ยอป่า) ไม้เลื้อย (กระเช้าสีดา, ไทรสรง,   ส้มลม) หญ้าอายุหลายฤดู (เพ็ก, หญ้าตบแฝก) และพืชล้มลุก (กระเจียว)

ผลงานวิจัยที่ออกมาในช่วงแรก จะเป็นผลการสำรวจในเบื้องต้นของโครงการ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการต่อยอดการศึกษาวิจัยต่อไป งานที่เสร็จแล้ว เช่น การศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพทางนิเวศวิทยาในรอบปีของโคกภูตากา (โดยใช้บอลลูนถ่ายภาพจากมุมสูง), การศึกษาระบบการเกษตรในหมู่บ้านรอบโคกภูตากา (พบว่าส่วนใหญ่ปลูกข้าวเป็นหลัก รองลงมาคือ อ้อย มันสำปะหลัง ถั่วเขียวและผักต่างๆ สิ่งสำคัญคือ ชาวบ้านอาศัยโคกภูตากาในการเลี้ยงโค กระบือ เก็บฟืนและหาของป่าเพื่อบริโภคและขาย)   งานวิจัยที่ออกมาแล้ว เช่น

งานวิจัยที่จัดทำไว้ในแผน จนถึงปี 2549 ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ต่อเนื่องมาแต่ต้น ยกตัวอย่างเช่น

ซึ่งผลงานวิจัยต่างๆ จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ที่อยู่ในพื้นที่โครงการและประชาชนโดยทั่วไป

ที่มา : อบต.เมืองเก่าพัฒนา  http://mkpat.go.th/public/landmark/data/detail/landmark_id/2/menu/138